ที่มา

การมาสู่อาชีพผู้ช่วยทันตแพทย์
นี้มาได้จาก 2 ทาง 
ทางแรกคือ สอบเข้าในคณะทันตแพทย์ของมหาวิทยาลัยต่างๆ ที่มีหลักสูตรอบรมผู้ช่วยทันตแพทย์ ผู้สมัครต้องมีอายุไม่เกิน 40 ปี รับทั้งผู้หญิงและผู้ชาย โดยจะคัดเลือกผู้ที่สอบผ่าน ประมาณ 50 คน ระยะการศึกษาคือ 1 ปี หากเรียนจบแล้ว ฝีมือเข้าตากรรมการ จะถูกคัดเลือกให้ทำงานกับคณะก่อน ถ้าใครไม่ทำต้องจ่ายค่าปรับ 30,000 บาท เพราะคณะถือว่า ได้สอนวิชาชีพให้ในค่าเล่าเรียนที่ถูกมาก ยกเว้นสำหรับผู้ที่มีต้นสังกัดส่งมาเรียนจากหน่วยราชการอื่นๆ จะไม่ถูกคัดเลือก เพราะต้องกลับไปทำงานในหน่วยงานที่ขาดแคลนและเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ
สำหรับการเรียนนั้น ต้องเรียนอย่างหนัก คล้ายตำรานิสิตทันตแพทย์แบบพื้นฐานขั้นต้นเลยทีเดียว และขณะเรียนจะถูกหมุนเวียนไปฝึกงานยังภาควิชาต่างๆ จนครบถ้วน เช่น ภาควิชาทันตกรรมสำหรับเด็ก ใส่ฟัน อุดฟัน รักษารากฟัน จัดฟัน เป็นต้น จะได้สามารถช่วยทันตแพทย์ได้ในทุกสาขา เมื่อจบออกมา ถ้าไม่ถูกคัดตัวไว้ ก็อาจรับราชการหรือทำงานเอกชนก็ได้ ในภาคเอกชนนั้น ผู้ช่วยทันตแพทย์แบบมีวุฒินี้จะได้เงินเดือนเริ่มต้น ประมาณหมื่นต้นๆ 

และทางที่สองคือ ผู้ช่วยที่ทันตแพทย์ฝึกขึ้นเอง ซึ่งจะมีปริมาณเยอะกว่าผู้ช่วยแบบแรกมากหลายเท่าตัว ผู้ช่วยทันตแพทย์ส่วนใหญ่จะมาจากแบบทางที่ 2 นี้ และมักเป็นผู้หญิง การคัดเลือกมักดูจากภายนอกก่อน เช่น ดูสะอาดสะอ้าน ท่าทางมีความอดทน หนักเอาเบาสู้ รักการบริการ แบบที่ 2 นี้จะไม่ต้องสอบเข้า ไม่ต้องจ่ายค่าเล่าเรียน ฝึกให้ฟรีๆ ระหว่างฝึกมีเงินเดือนอีกด้วย เมื่อมีวิชาชีพนี้ติดตัวก็จะสามารถนำไปประกอบอาชีพนี้เลี้ยงตัวได้ 
และที่ได้จัดทำบล็อคนี้ขึ้นมา เรื่องอาชีพผู้ช่วยทันตแพทย์เนื่องจากพี่สาวได้ทำอาชีพนี้ มาจากทางที่สองเช่นกัน เป็นผู้หญิงที่รักษาความสะอาด ดูสะอาดสะอ้าน อดทน มีความตั้งใจ และรักงานบริการลูกค้า พร้อมที่จะดูแลและให้คำปรึกษา จึงเป็นอีกหนึ่งอาชีพที่ไม่ใช่หมอฟันโดยตรง แต่เป็นผู้ช่วยที่เป็นอาชีพที่ไม่ควรจะมองข้ามเอาซะเลย การที่จะมาทำอาชีพนี้ มีทางเลือกให้สองทาง ไม่ต้องเรียนหรือสอบเข้าก็ได้ แค่มีใจรักในงานก็พอค่ะ
          และที่น่าสนใจในอาชีพผู้ช่วยทันตแพทย์นั้น
1.  ได้ประสบการณ์
2.  รายได้ดีเมื่อเทียบกับอาชีพที่เรียนแค่1ปี
3.  ได้ช่วยแบ่งปันความรู้ให้กับคนไข้
4.  จะมีการรักษาสุขภาพฟันเป็นอย่างดี

5.  สิทธิพิเศษที่จะได้รับในเรื่องการลดค่าใช้จ่ายในการรักษาฟัน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น